วันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2560

"จิงเจี้ยะ" 荊芥 เปี่ยวหรอ จิงเจี้ยะไปสิ!!!

             

   荆芥


จิง(荆)หมายถึงชื่อเรียกต้นไม้ชนิดหนึ่งในวงศ์เดียวกันนี้ ซึ่งมีลักษณะเป็นไม้พุ่ม ออกดอกเป็นก้านช่อ กลีบดอกสีมวงขาว เจี้ยะ(芥)หมายถึงเมล็ดมัสตาร์ด เพราะว่าต้นจิงเจี้ยะมีลักษณะคล้ายต้นในวงศ์เดียวกัน ทั้งเมล็ดยังมีกลิ่นเผ็ดหอมเหมือนมัสตาร์ด จึงนำทั้งสองคำมาประกอบกันเป็นชื่อเรียกของต้นจิงเจี้ยะขึ้นมา

จิงเจี้ยะมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Schizonepeta tenuifolia (Benth.) Briq.(裂叶荆芥) ชื่อเก่าคือ Nepeta tenuifolia Benth. ใช้ส่วนที่เหนือพื้นขึ้นมาทั้งหมดต้น เก็บเกี่ยวในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ช่วงช่อดอกบานแต่ยังเขียวอยู่ โดยตัดส่วนช่อตากแยกจากส่วนต้นกิ่งต่างหาก หรือจะไม่แยกก็ได้ ส่วนส่วนของช่อที่แห้งดีแล้วนั้นเรียก 荆芥穗 ส่วนกิ่งต้นเรียก 荆芥梗 และในส่วนไม่ได้ตัดแยกตากเรียก 荆芥全草 ยาจิงเจี้ยะที่ดีควรมีสีม่วงอ่อน กิ่งเล็ก ช่อยาวแน่น

รสฤทธิ์ : เผ็ด ฤทธิ์กลางค่อนอุ่น วิ่งเข้าเส้นลมปราณ ปอด ตับ

สรรพคุณ : ขับไล่ลมระดับเปี่ยว ทะลวงตุ่มผดผื่น ยุบฝีหนอง สุ่มไฟใช้ในการหยุดเลือด

ใช้ในการรักษา :

1.โรคระดับเปี่ยว จิงเจี้ยะเผ็ด ทั้งฤทธิ์เป็นกลางค่อนทางอุ่น ระบายทะลวงเสียชี่จากภายนอก  จึงเหมาะสำหรับใช้กับหวัดทั้งเกิดจากลมร้อนหรือลมหนาว รวมถึงโรคเขตร้อน(温病)ในระยะเริ่มแรก

2. ผดไม่มีหัว จิงเจี้ยะเผ็ดอุ่นทะลวง สามารถทั้งขับไล่ลมที่อุกกั้นภายนอก และทะลวงเสียชี่ที่อยู่ภายในระบายออกสู่ภายนอกได้เช่นกัน

3.ฝีหนองและอาการปวดจากการกระทบกระแทก จิงเจี้ยะ เผ็ดอุ่นขับเคลื่อนลมปราณ จึงเพิ่มการไหลเวียนของเลือดได้เช่นกัน จึงนำมาใช้ในการรักษาก้อนบวมและอาการปวดได้ (通则不肿不痛)

4.เลือดออกผิดปกติที่ไม่ได้เกิดจากบาดแผลภายนอก จิงเจี๊ยะสามารถขับเคลื่อนลมปราณ ดึงหยางให้ขึ้นด้านบน  ใช้ในการรักษาโรคเลือดออกที่มีสาเหตุเกิดจากเลือดวิ่งออกนอกเส้นลมปราณ การเดินลมปราณตีย้อนไม่ปกติ (หยางเหนี่ยวรั้งอิน ชี่เหนี่ยวรั้งเลือด) ใช้การสุ่มไฟจิงเจี้ยะเพิ่มประสิทธิภาพในการห้ามเลือด สามารถใช้ได้ค่อนข้างกว้าง ไม่ว่าจะเป็นอาการอาเจียนเป็นเลือด เลือดออกตามไรฟัน จ้ำเลือดจากเลือดออกใต้ผิวหนัง ถ่ายเป็นเลือด ปัสสาวะเป็นเลือด ตกเลือด เป็นต้น

5.ผื่นคัน ลมพิษ จิงเจี้ยะมีรสเผ็ด สามารถขับไล่เสียชี่ลม ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการคันได้ โดยนอกจากลมพิษแล้ว สามารถใช้ได้ทุกกรณีที่มีอาการคันบริเวณผิวหนัง

6.ปวดศรีษะตาแดง ช่องหูบวมอักเสบ คอบวมอักเสบ เพราะนอกจากมีรสเผ็ดขับกระจายแล้ว ยังมีลักษณะเบาลอยขึ้นบน เหมาะสำหรับใช้รักษาโรคที่เกิดช่วงบนซ่างเจียวของร่างกาย

7.อัมพาต ชัก อาการเวียนศรีษะหลังคลอด ตัวจิงเจี้ยะเผ็ดอุ่น วิ่งเข้าเส้นลมปราณตับ ปรับสมดุลและกระจายลมปราณของตับ จึงสามารถรักษาโรคต่างๆที่เกิดจากลมปราณตับติดขับหรือเกิดจากเกิดลมตับ

8.ปัสสาวะอุจจาระไม่คล่อง ไอหอบ ถึงแม้ว่าตัวของจิงเจี้ยะนั้น จะเป็นยาที่ขับกระจายและลอยขึ้นบน จะไม่กักเก็บและลงล่าง อย่างที่พวกเราเข้าใจกัน แม้กระนั้น แพทย์แผนจีนอาวุโสในอดีต ก็ได้เลือกจิงเจี้ยะเข้ามาใส่ในตำรับยาที่ใช้รักษาอาการท้องผูก กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ด้วยเช่นกัน โดยใช้หลักการของการดึงเบาขึ้นบน และใช้ยาตัวอื่นกดหนักลงไป  (升清降浊)


ปริมาณการใช้ : ใช้ภายใน 5-10 กรัม ในรูปแบบ ยาต้ม ทำลูกกลอน หรือยาผง
                       
                          ใช้ภายนอก  ตำ บด พอกภายนอก ต้มอาบหรือแช่

ข้อควรระวัง : ไม่ควรต้มนาน เลี่ยงการใช้ในผู้ป่วยมีอาการเปี่ยวแบบพร่องเหงื่อออกมาก และผู้ป่วยปวดศรีษะที่มีสาเหตุจากสารอินพร่อง
                     


วันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

จุด "เสียป๋าย" (侠白) จุดขนาบข้างปอด



จุดเสียป๋าย เส้นลมปราณมือไท่อินปอด

ที่มาของชื่อ : เสีย(侠) คือ ด้านข้าง
                      ป๋าย(白) คือสีขาว หรือสีของปอดนั่นเอง

ความหมายโดยรวมก็คือ จุดที่อยู่ด้านข้างของปอดทั้ง 2 ข้าง นั่นเอง

ตำแหน่ง : อยู่ใต้รักแร้ 4 ชุ่น เลียบกล้ามเนื้อไบเซปทางด้านนอก หรือ อยู่ข้างเลียบกล้ามเนื้อไบเซปในส่วนที่นูนออกมาสูงสุด ทางด้านนอก

สรรพคุณ : ปรับระบายชี่ปอด ทะลวงกระจายชี่ภายในทรวงอก

ใช้ในการรักษา : อาการไอ หอบ เจ็บหัวใจ แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก อวกลม ปวดต้นแขน หลอดลมอักเสบ กระเพาะอักเสบ หัวใจเต้นเร็ว

วิธีใช้ : ปักเข็มตรง 0.5 - 1 ชุ่น หรือใช้การรนยา

การใช้ร่วมจุดอื่น

1. ร่วมกับจุด เฟ่ยซู(肺俞),ฉื่อเจ๋อ(尺泽),ข่งจุ้ย(孔最),เฟิงหลง(丰隆) ในการรักษาไอหอบ เสมหะมาก

2. ร่วมกับจุด ซินซู(心俞),เน่ยกวน(内关),เก๋อซู(膈俞) ในการรักษาเจ็บหัวใจ แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก

3. ร่วมกับจุด ซีเหมิน(郄门),เจียนสื่อ(间使),เทียนเฉวียน(天泉) ในการรักษาอาการปวดต้นแขนด้านหน้า




วันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

พูดถึง "จื่อซู" (紫苏) ภาพหมูย่างเกาหลีก็ลอยมา


紫苏

    เวลาไปกินเนื้อย่างทุกครั้ง เพื่อนชาวเกาหลีมักจะพกกระป๋องสีทองแบนๆไปวางบนโต๊ะด้วยทุกครั้งสิ่งนั้นคือจื่อซูที่แช่อยู่ในน้ำมันงานั่นเอง  ไอ้เราคนไทยก็ไม่เคยรู้จักหน้าคร่าตา เพื่อนเกาหหลียื่นให้ชิม ก็ไม่เห็นจะอร่อยตรงไหน มีแต่กลิ่นหอมๆเท่านั้น แต่เหล่าคนเกาหลีเอง เนื้อเข้าปากคำ ก็จะตามด้วยใบนี้ทุกคำไป เพื่อนเกาหลีนั้น ได้บอกกล่าวมาว่า  คนเกาหลี เวลากินเนื้อย่างจะขาดใบนี้ไม่ได้เลย เพราะมันจะช่วยในการย่อยเนื้อนั่นเอง จะกินเนื้อเท่าไหร่ก็ได้  ไม่อ้วน!!!

จื่อซู : ซูก็พ้องเสียงกับคำว่าซูฉ่าง ที่แปลว่า โล่งสะดวกนั่นเอง ส่วนจื่อสีม่วงนั้นก็คือสีของใบนั่นเองจื่อซู คือใบของต้น Perilla frutescent (L.) Britt. ซึ่งต้นนี้เอง ก็แบ่งย่อยออกมาเป็นหลายชนิดสายพันธุ์  มีหลักๆอยู่ 5 ชนิด แต่ที่นำมาใช้เป็นตัวยาจื่อซูในที่นี้ ครอบคลุมเพียงแค่ 2 ชนิดเท่านั้น คือ
            P.frutescens (L.)Britt.var.crispa Deane โจ้วเย้จื่อซู หรือ ฮุ๋ยฮุ๋ยซู     P.frutescens (L.)Britt.var.acuta (Thunb)Kudo.เจียนเย่จื่อซู หรือ เย่เซิงจื่อซู



รสฤทธิ์ : เผ็ด อุ่น วิ่งเข้าเส้นลมปราณปอด และม้าม

สรรพคุณ : ขับไล่ความเย็นระดับเปี่ยว ขับเคลื่อนลมปราณปรับสมดุลกระเพาะอาหาร ทำให้ครรภ์สงบ

ใช้ในการรักษา :

1.  เป็นหวัดจากลมเย็น  จื่อซูเผ็ดหอม สามารถระบายเปี่ยว ขับไล่ลมเย็น มีฤทธิ์อุ่นนุ่มนวล สามารถใช้รักษาหวัดที่เกิดขึ้นในฤดูทั้งสี่ ไม่ว่าจะเกิดจากร้อนหรือหนาว

2.ไข้หัด มาลาเรียระบาด จื่อซูระบายเปี่ยว เผ็ดหอมทะลวงอุดกั้น สลายสิ่งสกปรก ใช้รักษาได้ดีกับโรคที่เกิดจากไวรัส ขับไล่การรุกรานจากภายนอก

3.คลื่นไส้อาเจียน ไอหอบจากชี่ตีย้อน จื่อซูเผ็ดหอมระบายการอุดกั้น ขับเคลื่อนลมปราณทะลวงผ่านการอุดกั้น  ใช้ได้ดีในการรักษาโรคที่เกิดจาก ชี่อุดกั้น ชี่ตีย้อน

4.แพ้ท้อง ครรภ์ไม่สงบ จื่อซูเด่นในด้านการปรับการเดินลมปราณ จึงเป็นยาที่ดีในการรักษาสตีมีครรภ์ที่มีอาการชี่ติดขัด

5.ขาบวม กระหายน้ำ ปัสสาวะน้อย ชี่เดิน น้ำเดิน ชี่ติดขัด น้ำคั่งค้าง จื่อซูขับเคลื่อนลมปราณให้เดินสะดวก ทำให้การขับเคลื่อนของน้ำกลับเป็นปกติ จึงเหมาะในการรักษา อาการบวมน้ำที่มีการขับปัสสาวะน้อย

ปริมาณการใช้ : สำหรับต้มดื่มใช้ 5 – 10 กรัม ใช้ภายนอกตามแต่เหมาะสม ทาพอก หรือต้มอาบ

ข้อควรระวัง : จื่อซูไม่ควรต้มนาน

สำหรับจื่อซูเกิ่ง(紫苏梗,กิ่งต้นจื่อซู)

รสฤทธิ์ : เผ็ด อุ่นเล็กน้อย วิ่งเข้าเส้นลมปราณปอด และม้ามสรรพคุณ : ปรับสมดุลลมปราณและจงเจียว ระงับปวด สงบครรภ์
ใช้ในการรักษา : จุกแน่นลิ้นปี่เนื่องจากชี่ติดขัด อาหารอุดตัน ปวดท้อง เรออ้วก ครรภ์ไม่สงบปริมาณการใช้ : 5 -10 กรัม





วันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

จุด "เทียนฝู่" (天府,LU3) จุดฟ้าประสาน

จุดเทียนฝู่ เส้นลมปราณมือไท่อินปอด

ที่มาของชื่อ : เทียน(天) คือตำแหน่งด้านบน ในมนุษย์ก็คือ ส่วนศรีษะ ส่วนอก 
                        ฝู่(府) คือ การรวมกัน เป็นตำแหน่งที่มารวมกัน
            ความหมายโดยรวมก็คือ ปอดเป็นศูนย์รวมของชี่(ลมปราณ)ของมนุษย์ อยู่ในตำแหน่งของฟ้า(ด้านบน) มีทวารเปิดอยู่ที่จมูก จมูกใช้หายใจเข้าออก เป็นทางผ่านของลมปราณฟ้า

ตำแหน่ง : อยู่เลียบกล้ามเนื้อไบเซปด้านนอก ห่างลงมาจากแขบพับรักแร้ 3 ชุ่น

สรรพคุณ : ระบายชี่ปอด ดับร้อนสลายก้อน

ใช้ในการรักษา : อาการไอ หอบ เลือดกำเดาไหล คอบวมอักเสบ คอพอก ปวดแขน หลอดลมอักเสบ ไซนัสอักเสบ

วิธีใช้ : ลงเข็มตรง 0.5 - 1 ชุ่น หรือใช้การรนยา

การใช้ร่วมจุดอื่น :

1.ร่วมกับจุดเน้าฮุ้ย(臑会),ชี่เซ่อ(气舍) ในการรักษาคอพอก คออักเสบบวมโต

2.ร่วมกับจุดเหอกู่(合谷) ในการรักษาเลือดกำเดาไหล

3.ร่วมกับจุดชวี่ฉื๋อ(曲池),เลว่เชว(列缺),ป่ายฮุ้ย(百会) ใช้ในการรักษาอาการกลัวลม น้ำตาไหลตลอดเวลา ขี้หลงขี้ลืม

4.ร่วมกับจุดเจียนยวี๋(肩髃),ชวี่เจ๋อ(曲泽) ใช้ในการรักษาอาการปวดต้นแขน


"ซี่ซิน" 细辛 ถึงร้ายก็รัก



ตัวยาซี่ซินนั้น มีที่มาจากรากของพืช 3 ชนิด ดังนี้

1.Asarum heterotropoides Fr.Schmidt var.mandshuricum (Maxim.) Kitag. เรียก เป่ยซี่ซิน(北细辛)
2.Asarum sieboldii Mig.var.seoulense Nakai เรียก ฮั่นเฉิงซี่ซิน(汉城细辛)
3.Asarum sieboldii Miq. เรียก ฮว๋าซี่ซิน(华细辛)

จากพื้นที่การปลูก ชนิดที่ 1และ 2 นิยมปลูกมากทางเหลียวหนิง จึงสามารถเรียก 2 ชนิดแรกรวมกันว่า เหลียวซี่ซิน (辽细辛) ส่วนฮว๋าซี่ซินจะนิยมปลูกกันในเมืองฮว๋าอิน(华阴)ที่ซ่านซี

รสฤทธิ์ : เผ็ด อุ่น เข้าเส้นลมปราณ หัวใจ ปอด ไต

สรรพคุณ : ขับไล่ลมเย็น ไล่ลมระงับปวด ทะลวงทวาร อุ่นปอดสลายน้ำที่คั่งค้าง

ใช้ในการรักษา :

1.หวัดจากลมเย็น หยางพร่องทำให้เสี่ยชี่บุกรุก ซี่ซินเผ็ดอุ่นกระจาย ทั้งยังมีกลิ่นหอมทะลุทะลวง มีกำลังมากในการขับไล่ความเย็น สามารถทะลวงได้ตั้งแต่นอกถึงใน วิ่งเข้าเส้นลมปราณปอด จึงสามารถที่จะขับไล่ลมหนาวในระดับเปี่ยวได้

2.ปวดหัว ปวดฟัน ปวดโพรงจมูก คัดจมูกน้ำมูกไหล ปวดตา หูอื้อ เจ็บคอ แผลในปาก ซี่ซินเผ็ดอุ่นกระจายวิ่งทะลุทะลวง เป็นยาที่หอมทะลุทะลวงดีที่สุด ช่วยในการระบายกระจายการอุดกั้น วิ่งขึ้นทะลวงจนถึงสุดกระหม่อม  ทะลวงทวารทั้ง 9 ในร่างกาย เหมาะสำหรับรักษาโรคที่เกิดบริเวณศรีษะ  เป็นยาสำคัญในการทะลวงแก้ปวด

3.ไอหอบจากเสมหะที่คั่งค้าง ซี่ซินเผ็ดกระจาย อุ่นทะลวง นอกจากสามารถขับไล่ความเย็นในระดับเปี่ยวได้แล้ว ยังสามารถเดินชี่ลงล่างเพื่อทะลวงเสมหะที่อุดตัน อุ่นปอดสลายน้ำที่คั่งค้าง

4.อาการปวดจากลมเย็นชื้น ปวดเย็นที่เข่าและเอว ซี่ซินสามารถกระจายตัวเข้าไปในเส้นลมปราณเส้าอินไต ใช้ความเป็นหยางในการทะลวง ขับกระจายความเย็นที่กระจุกกันเป็นก้อนออกมาภายนอก ทั้งยังขับไล่ลมชื้นที่แทรกตัวอยู่ตามเอ็น กระดูก และข้อต่อต่างๆได้ด้วย

5.มือเท้าเย็น ปวดเย็นท้อง ซี่ซิน เผ็ดอุ่นกระจาย ให้ความอบอุ่นเส้นลมปราณ ขับไล่ความเย็นทั้งภายในและภายนอก ทำให้เลือดไหลเวียนทะลวงชีพจร

6.คัดหน้าอก ประจำเดือนไม่มา ปวดท้องประจำเดือน ซี่ซิน เผ็ดอุ่นกระจาย วิ่งขึ้นไหลเวียนชีพจรทรวงอก สลายก้อนแก้ปวด วิ่งลงไหลเวียนทะเลแห่งเลือด อบอุ่นเส้นลมปราณ อบอุ่นมดลูก ไล่ความเย็นแก้ปวด

7.เจ็บหัวใจแน่นหน้าอก ซี่ซิน เผ็ดอุ่นกระจาย  ระบายทะลวงหลอดเลือดหัวใจ ขับไล่ความเย็นแก้ปวด

8.เสมหะอุดกั้น อาละวาดหมดสติ ซี่ซิน เผ็ดวิ่งกระจาย วิ่งลงล่างสลายเสมหะ กลิ่นหอมสลายการอุกตับคั่งค้าง ทะลวงข้อต่อเปิดทวาร ปลุกสติ

ปริมาณการใช้ : เนื่องจากซี่ซินมีความเป็นพิษ จึ่งควรใช้ในปริมาณที่น้อย ยาต้มใช้ 1 - 3 กรัม ,ยาผงใช้ทานละ 0.5 - 1 กรัม หากว่าเป็นโรคอันตราย หรือผู้ป่วยอ่อนแอ หรือใช้ยาในปริมาณที่มากกว่านี้ เวลาใช้ควรต้มซี่ซินก่อนยาตัวอื่น 45 นาที เพื่อขจัดหรือลดพิษลง


วันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

จุด "ยวิ๋นเหมิน" (云门,LU2) ประตูแห่งเมฆา



จุดยวิ๋นเหมิน


ที่มาของชื่อ :
ยวิ๋น(云) หมายถึงเมฆ ชี่อากาศที่บางเบา เป็นชี่ของแม่น้ำและภูเขา
เหมิน(门) หมายถึง ประตู เป็นประตูทวารของเส้นลมปราณมือไท่อินปอด
ความหมายโดยรวมก็คือ เป็นทวารประตูเข้าออกของชี่ที่บางเบาของปอด(บางเบาคือลักษณะเฉพาะของชี่ปอด)

ตำแหน่ง : อยู่ที่แอ่งเว้าใต้กระดูกไหปลาร้า ห่างจากกึ่งกลางลำตัว 6 ชุ่น

สรรพคุณ : กระจายชี่ปอดลงล่าง ระงับไอสงบหอบ

ใช้ในการรักษา : ไอ หอบ เจ็บแน่นหน้าอก ปวดไหล่หลัง หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ วัณโรคปอด ปวดประสาทซี่โครง ไหล่ติด

วิธีใช้ : ปักเข็มเฉียงออก 0.5 - 0.8 ชุ่น หรือรมยา

การใช้ร่วมกับจุดอื่น :

1.ร่วมกับจุดเฟ่ยซู(肺俞) ใช้ในการรักษาอาการไอ อาการหอบ

2.ร่วมกับจุดจงฝู่(中府),อิ่นป๋าย(隐白),ชีเหมิน(期门),เฟ่ยซู(肺俞),หุนเหมิน(魂门),ต้าหลิง(大陵) ใช้ในการรักษาเจ็บหน้าอก เจ็บชายโครง

3.ร่วมกับจุดเฟ่ยซู(肺俞),เกาฮวง(膏肓),ฉื่อเจ๋อ(尺泽) ใช้ในการรักษาอาการไอจากวัณโรคปอด



วันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

桂枝 กิ่งอบเชยจีน สรรพคุณกึ่งครอบจักรวาล



"桂枝" กุ้ยจือ กิ่งอบเชยจีน


ส่วนที่ใช้เป็นยาคือกิ่งจากต้นอบเชยจีน Cinnamomum cassia Presl 

ส่วนตัวยา肉桂คือส่วนของเปลือกต้นและเปลือกกิ่งจากต้นนี้เช่นเดียวกัน ไม่ใช่แกนกลางเนื้อไม้หรือแก่นที่หลายๆคนเข้าใจกัน และในปัจจุบัน ยังมีคนผลิตยาทั้ง桂枝และ肉桂มาจากต้นคนละสายพันธุ์กันอีกด้วย แม้ภายนอกจะคล้ายแต่สรรพคุณอาจจะแตกต่างหรือเทียบเท่ากันไม่ได้ หลายๆต้นที่ถูกปลอบแปลงปนมาได้แก่ อบเชยอินโด C. burmannii อบเชยเวียดนามC. loureiroi และอบเชยศรีลังกาC. citriodorum

เก็บเกี่ยว : ในเดือนมีนาคมถึงช่วงเดือนกรกฎาคม ตัดกิ่งในช่วงความยาวตั้งแต่ 15 เซนติเมตรถึง 1 เมตร แต่ที่นิยมสุดคือ 20 เซนติเมตร นำตากให้แห้ง กุ้ยจือนั้นไม่มีแบ่งเกรดชัดเจน แต่ยากุ้ยจือที่ดีต้อง กิ่งอ่อน สีน้ำตาลแดง และกลิ่นชัดเจน

กุ้ยจือ มีรส : เผ็ด หวาน ฤทธิ์อุ่น
วิ่งเข้าเส้นลมปราณ : หัวใจ ปอด กระเพาะปัสสาวะ
มีสรรพคุณ : ขับเหงื่อขับไล่ปัจจัยกระทบภายนอกปรับสมดุลอิ๋ง-เว่ย
                  อุ่นทะลวงเส้นลมปราณ บำรุงหยางหัวใจ
                  ปรับสมดุลเส้นลมปราณชง

ใช้ในการรักษา

1.หวัดจากกระทบลมเย็น กุ้ยจือเผ็ดหวานอุ่น เสริมหยางเสริมเว่ย ทั้งระบายเปี่ยวขับเหงื่อแต่นุ่มนวลกว่าหมาหวง มีฤทธิ์ดีในทางการกระจายหยางชี่เข้าสู่ระดับเว่ย ระทำให้อิ๋งและเลือดไหลเวียนสะดวกในระดับเปี่ยว ทำให้เว่ยภายนอกแข็งแรง

2.ใจสั่นเจ็บแน่นหน้าอก รวมถึงมีอาการปวดเย็นบริเวณท้อง กุ้ยจือรสเผ็ด ฤทธิ์อุ่น เสริมหยางทะลวงชีพจร จึงเหมาะสำหรับการรักษากลุ่มอาการปวดที่มีสาเหตุมาจาก มีภาวะของหยางพร่องจึงทำให้เส้นเลือดเส้นลมปราณติดขัด

3.ประจำเดือนมาน้อยปวดท้อง กระปิดกระปอย อาการปวดจากลมชื้น เนื่องด้วยรสเผ็ดของกุ้ยจือมีผลช่วยทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี อีกทั้งยังอุ่นทะลวงหลอดเลือด จึงสามารถรักษาอาการปวดที่เกิดจากการคั่งของเลือด

4.ไอหอบบวมน้ำ มีการคั่งของเสมหะเย็น กุ้ยจือเผ็ดอุ่นเสริมหยางในการสลายความชื้น โดยเฉพาะการมีเสมหะคั่งค้าง จะมีอาการแสดงคือไอหอบ บวมน้ำ

5.ใจสั่นคลื่นไส้ ชี่ตีย้อนขึ้นบน กุ้ยจืออุ่นทะลวงหยางชี่ ปรับสมดุลเส้นลมปราณชง กดชี่ลงล่าง จงเหมาะรักษาอาการต่างๆ ที่เกิดจากสาเหตุการที่ชี่ตีย้อนขึ้นบน ไม่ว่าจะเป็นอาการใจสั่น คลื่นไส้อาเจียน อ้วกลมอ้วกดันลิ้น เป็นต้น

6.ลมตับอุดกั้น สะบัดหนาวสะบัดร้อนจากไข้มาลาเรีย กุ้ยจือทั้งยังวิ่งเข้าเส้นลมปราณตับถุงน้ำดี ช่วยในการปรับสมดุลของชี่ตับ ระบายชี่ตับจากการอุดกั้น จึงเหมาะรักษาในกรณีของพยาธิสภาพเกิดที่เส้นลมปราณตับถุงน้ำดี เช่นชี่ตับและถุงน้ำดีติดขัด ลมตับกำเริบ อาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวจากไข้มาลาเรีย เป็นต้น


7.เหงื่อออกมากผิดปกติ อสุจิเคลื่อน และเลือดออกจากสาเหตุเลือดร้อน เลือด เหงื่อ และอสุจิมีต้นกำเนิดเดียวกันจากสารอิน เพราะฉะนั้นอาการข้างต้นคืออาการแสดงของการที่อิ๋งอินออกมาภายนอก หรือจะเรียกอีกอย่างว่าอิ๋งเว่ยไม่สัมพันธ์กัน ซึ่งกุ้ยจือมีฤทธิ์ในการปรับสมดุลอิ๋ง  

ปริมาณการใช้ : 3 - 10 กรัม

วันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

จุด"จงฝู่"(中府)LU1 ของเส้นลมปราณปอด


จงฝู่(中府) : เป็นจุดมู่ของเส้นปอด(มู่=คือจุดที่รวมปราณของแต่ละอวัยวะมากองรวมกันที่บริเวณท้องและทรวงอก)

จง หมายถึงจงเจียว จงชี่ (中焦,中气)
ฝู่ หมายถึง การรวมกัน(聚)
ความหมายโดยรวมคือ เส้นมือไท่อินก่อกำเนิดจากจงเจียว จุดนี้คือจงชี่ที่ก่อกำเนิดจากการรวมตัวกันของฟ้าและดิน เป็นจุดมู่ของปอด เป็นตำแหน่งที่ลมปราณของปอดและม้ามมาผสานรวมกัน จึงเป็นที่มาของชื่อจุด "จงฝู่"

ตำแหน่ง : อยู่บริเวณทรวงอก บริเวณกระดูกซี่โครงซี่ที่ 1 ห่างจากกึ่งกลางลำตัว 6 ชุ่น ล่างจุดยวิ๋นเหมิน 1 ชุ่น

สรรพคุณ : ระบายชี่ปอด ปรับสมดุลชี่ ปรับสมดุลกระเพาะ ขับน้ำ

ใช้ในการรักษา : ไอ หอบ ชี่ตีย้อน เจ็บแน่นหน้าอก เจ็บไหล่หลัง เจ็บคอ หน้าบวม ไม่อยากอาหาร คลื่นไส้ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ วัณโรคปอด ปวดประสาทซี่โครง

วิธีใช้ : ปักเอียง 45 องศา ออกนอกลำตัว ลึก 0.5-0.8 ชุ่น หรือใช้การรมยา

การใช้ร่วมกับจุดอื่น :

1.ร่วมกับจุด ฟงเหมิน(风门),เหอกู่(合谷) ใช้ในการรักษา สะบัดร้อนสะบัดหนาว เจ็บคอ
2.ร่วมกับจุด เฟ่ยซู(肺俞),ยวิ๋นเหมิน(云门),เทียนฝู่(天府),ฮว๋าไก้ย(华盖) ใช้ในการรักษา ไอจากกระทบภายนอก หอบหืด
3.ร่วมกับจุด อี่ซู(意舍) ใช้ในการรักษา แน่นหน้าอก
4.ร่วมกับจุดฟู่ลิว(复溜) ใช้ในการรักษา ไอจากปอดร้อน



麻黄หมาหวง รักแรกพบทุกสถาบัน


辛温解表药 - 麻黄

คำว่า 麻 มาจากรสชาติที่ ฝาด ชา ซ่าลิ้น , ส่วนคำว่า 黄 คือสีเหลืองของตัวยาแห้งนั่นเอง

หมาหวงเป็นกิ่งแห้งของต้น Ephedra มี 3 ชนิด

1.จากต้น Ephedra sinica Stapf เรียก “草麻黄” เฉ่าหมาหวง
2.จากต้น Ephedra intermedia Schrenk et C.A. Mey. เรียก “中麻黄” จงหมาหวง
3.จากต้น Ephedra equisetina Bge. เรียก “木贼麻黄” มู่เจ๋ยหมาหวง

ยาหมาหวงนั้นไม่ได้แบ่งเกรดของยา เพียงแต่ต้องแห้ง หนา มีสีเขียวอ่อนๆ ไส้ตัน รสขมฝาด

รสฤทธิ : เผ็ด ขมเล็กน้อย อุ่น เข้าเส้นลมปราณ ปอด , กระเพาะปัสสาวะ

สรรพคุณ : ขับเหงื่อไล่ความเย็น , ระบายชี่ปอดสงบหอบ , ขับน้ำลดบวม

ใช้ในการรักษา

1.หวัดจากลมเย็น หมาหวงเผ็ดขับระบาย ฤทธิ์อุ่นขับไล่ความเย็น วิ่งเข้าปอด กระเพาะปัสสาวะ ระบายชี่
ของปอด เปิดรูขุนขน ขับเหงื่อได้ดี เป็นยาสำคัญในการขับเหงื่อระบายเปี่ยว

2.ไอหอบ หมาหวงเข้าเส้นปอด ระบายชี่ปอด ทำให้สามารถหยุดไอหยุดหอบ

3.ขาบวม หมาหวงวิ่งขึ้นระบายปอด วิ่งลงขับกระเพาะปัสสาวะ จึงสามารถปรับทะลวงทางเดินน้ำใน
ร่างกาย ขับปัสสาวะลดบวม ทั้งยังระบายปอด ขับเหงื่อไล่ชื้น จึงเหมาะในการรักษา อาการบวมน้ำ
ปัสสาวะน้อย

4. อาการปวดจากลมชื้น หมาหวงเผ็ดระบาย อุ่นทะลวง ใช้บ่อยกับอาการปวดจากลมเย็นชื้น

5. ปวดเย็นเอวท้อง หมาหวงเผ็ดอุ่น ขับไล่ความเย็น ทะลวงการอุดกั้น

6.ไข้มาลาเลีย หมาหวงเผ็ดระบายเปี่ยว อุ่นระบายทะลวงการอุดกั้น

7. ผิวหนังขึ้นตุ่ม ยุบช้า แตกช้า หมาหวงทะลวงเปิดรูขุมขน ขับไล่เสียชี่ในระดับเปี่ยว 

8. ดีซ่าน ปัสสาวะน้อย หมาหวงขับปัสสาวะไล่ความชื้น

9. ก้อนไม่มีหัว(ทั้งฝีหรือซีส) หมาหวงเผ็ดอุ่น ขับไล่ความเย็นทำลวงก้อนอุดตัน ทำให้เลือดไหลเวียน
ยุบฝีหนอง จึงเหมาะในการรักษา หยางพร่องเกิดความเย็นอุดกั้นเป็นก้อน ลมปราณและเลือดอุดกั้นที่ผิวหนัง

วิธีใช้ : ยาต้มรับประทาน 2 - 10 กรัม , ใช้ในการขับเหงื่อให้ใช้สด ,ใช้รักษาไอหอบให้ใช้แบบผัด



วันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2560



ยาจีน ตังกุย หรือ บางคนก็เรียกโสมตังกุย

ตังกุยในคัมภีร์  <เสินหนงเปิ๋นเฉ่าจิงใช้ชื่อว่า กานกุย 干归

ชื่อที่มาของตัวนี้มาจากคำว่ากุย  แปลว่า กลับมา เนื่องจากยาตัวนี้ มีสรรพคุณทำให้ทั้งชี่และเลือดกลับมาอีกครั้งหนึ่ง

ยาตังกุยคือส่วนของรากของต้นตังกุยที่มีชื่อวิทย์ว่า Angelica sinensis(Oliv.)Diels

การเก็บเกี่ยว จะกู้รากนำมาใช้เมื่อต้นมีอายุตั้งแต่ 2ปี ขึ้นไป โดยในมณฑลกานซู่甘肃จะเก็บเกี่ยวในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ ส่วนในมณฑลยูนนาน จะเก็บเกี่ยวในช่วงต้นฤดูหนาว (รากตังกุยจะไม่ตากแดดกันนะครับ จะดำไม่สวย ไม่ได้ราคา)

การเผ้าจื้อ หลักๆจะนิยมใช้กันอยู่ 4 แบบ คือ

1.当归片 คือนำตังกุยมาตัดแผ่น
2.酒当归 จะใช้อัตราส่วนตังกุยแผ่นต่อเหล้าที่ 10:1 kg (黄酒)
3.土沙当归 นำมาคั่วกับผง伏龙肝อัตราส่วน 10:2 kg
4.当归炭 นำมาผัดไฟกลางจนได้สีน้ำตาลไหม้

ในอดีตการแบ่งเกรดตังกุยมีเยอะมาก เช่น葫首归,各挡箱归,通底归,如意归เป็นต้น ปัจจุบันดูกันที่ความแห้งและความสะอาด หัวต้องหนาใหญ่ยาว ผิวชุ่มน้ำมันสีเหลืองน้ำตาล หน้าตัดต้องสีเหลืองขาว กลิ่นต้องหอมแรง รูปแบบที่จำหน่ายกันปัจจุบันจะแบ่งเป็น全当归,归头,归身,归尾.

ตังกุย มีรสหวาน เผ็ด ฤทธิ์อุ่น

วิ่งเข้าเส้นลมปราณตับ หัวใจ ม้าม

สรรพคุณ บำรุงและขับเคลื่อนการไหลเวียนโลหิต 
              ปรับประจำเดือนให้เป็นปกติและลดปวด 
              ให้ความชุ่มชื้นกับลำไส้ทำให้ถ่ายสะดวก

ใช้ในการรักษาคือ

1.เลือดหัวใจและตับพร่อง ตังกุยบำรุงเลือดวิ่งเข้าเส้นหัวใจและตับ

2.ประจำเดือนไม่ปกติ ปวดท้องประจำเดือน ตังกุยรสหวานฤทธิ์อุ่นบำรุงเลือด ทั้งยังเผ็ดกระจายไหลเวียนเลือด

3.รักษาโรคหลังคลอด ตังกุยให้ความอบอุ่นทั้งบำรุงและให้การไหลเวียน จึงไม่เพียงเหมาะสำหรับรักษาเกี่ยวกับเรื่องประจำเดือน ทั้งยังรักษาอาการกระทบเย็นเลือดคั่งในสตรีหลังคลอดได้ดีอีกด้วย

4.บาดเจ็บจากการถูกกระทบกระแทก ตังกุยเผ็ดหอม มีชี่ที่เบา ทั้งขับเคลื่อนทั้งทะลวง ไหลเวียนและสลายเลือดคั่ง ทำให้ลดปวดลดปวม ใช้ได้ทั้งกรณีบาดเจ็บเล็กน้อยไปจนถึงเส้นเอ็นฉีกขาดกระดูกหัก

5.ปวดจากลมเย็น ตังกุยมีรสหวานในการบำรุง มีรสเผ็ดในการช่วยไหลเวียน และมีฤทธิ์อุ่นขับไล่ความเย็น

6.รักษาฝี ตังกุยบำรุงและขับเคลื่อนเลือด ทะลวงพิษยุบบวม ทั้งยังมีฤทธิ์อุ่นเสริมสร้างภูมิ จึงใช้ได้กับทั้งกรณีฝีไม่ขึ้นหัว หรือ ฝีขึ้นหัวแล้วไม่ยอมยุบ

7.ท้องผูกที่เกิดจากเนื้อเยื้อลำไส้แห้ง เพราะสารน้ำและเลือดมีต้นกำเนิดเดียวกัน รสหวานฤทธิ์อุ่นของตัวกุยสามารถบำรุงเลือดและเพิ่มสารน้ำให้ความชุ่มชื้นแก่ลำไส้ได้

8.ไอหอบ ใช้ร่วมกับยากลุ่ม祛痰止咳平喘药

9.บิด ตังกุยมีฤทธิ์ปรับสมดุลและการไหลเวียนเลือด

10.โรคทางตา ใช้ในกรณีชี่เลือดติดขัดทำให้เกิด แดง บวม คัน เจ็บ

11.เหงื่อออกจากอินพร่อง


การใช้ตังกุย จะใช้อยู่ที่ 6-12 กรัม ถ้าต้องการเพิ่มฤทธิ์ไหลเวียนเลือดให้ใช้เหล้าผัด   

การเลือกใช้ส่วนของตังกุย

1.ต้องการทิศทางยาวิ่งขึ้นบน หยุดเลือด ให้ใช้ 当归头
2.ต้องการบำรุงเลือด วิ่งเข้าส่วนกลาง ให้ใช้当归身 
3..ต้องการการไหลเวียนเลือด ทิศทางวิ่งลงล่าง ให้ใช้归尾 
3.ต้องการปรับสมดุล ทั้งบำรุงทั้งไหลเวียนเลือด ให้ใช้全当归


วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2560

หญิง7ชาย8 เมื่อแพทย์จีนมองอย่างแบ่งแยก



หญิง 7 ชาย 8 การเปลี่ยนแปลงของชายหญิง

ในแพทย์จีน จะพูดถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายในชายและหญิง ด้วยฐานของตัวเลข7ในผู้หญิง(ทุก7ปี) และด้วยฐานเลข8ในผู้ชาย(ทุก8ปี)

โดยการขั้นแรก จะอยู่ในช่วงที่ 1 ถึง 3

-คือผู้หญิงอายุ 7 ถึง 21 ปี (1*7 ถึง 3*7) และผู้ชายอายุ 8 ถึง 24 ปี (1*8 ถึง 3*8)
เป็นช่วงของการเจริญเติบโตของร่างกาย เทียนกุ่ย天癸ค่อยๆสุกงอม
หญิงจะเริ่มมีประจำเดือน ชายจะเริ่มสร้างอสุจิ

ขั้นที่สอง จะอยู่ในช่วงที่ 3 ถึง 5
-คือผู้หญิงอายุ 21 ถึง 35 ปี (3*7 ถึง 5*7) และผู้ชายอายุ 24 ถึง 40 ปี (3*8 ถึง 5*8)
เป็นช่วงที่ร่างกายสมบรูณ์เต็มที่สูงสุดในช่วงชีวิตทั้งหมด

ขั้นที่สาม จะอยู่ในช่วงที่ 5 ถึง 7 ในผู้หญิง และถึง 8 ในผู้ชาย
-คือผู้หญิงอายุ 35 ถึง 49 ปี และผู้ชายอายุ 40 ถึง 64 ปี
เป็นช่วงที่ร่างกายทุกอย่างเสื่อมถอย

เพราะฉนั้น จะเห็นได้ว่า ในขั้นของการเสื่อมถอยนั้น ในผู้หญิงจะเร็วกว่าถึง 15 ปี
คำพูดที่ว่า หญิงแก่เร็วตายช้า ชายแก่ช้าตายเร็ว ถ้าพูดกันตามทฤษฎี เห็นทีจะไม่ถูกต้อง
แต่ในทางความเป็นจริงแล้ว กลับเป็นเช่นนั้นจริงๆ
เพราะผู้ชายมักจะใช้ร่ายกาย ประมาทหักโหม และละเลยจากการดูแลตัวเอง

วันพฤหัสบดีที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2560

กายกับจิต ในทางการแพทย์จีนก็มี และสำคัญด้วยนะเออ



กายกับจิต ในทางการแพทย์แผนจีนก็มีและสำคัญด้วยนะเออ

1.รูปกายเป็นตัวแทนของการมีชีวิต จิตใจคือผู้ขับเคลื่อนของชีวิต

2.รูปกายและจิตใจต้องอาศัยเกื้อกูลกัน และไม่สามารถแยกอยู่อย่างเด็ดขาดจากกัน(แยกจากกันอิสระแล้วคือตาย) รูปกายคือบ้านที่อยู่อาศัยของจิตใจ จิตใจคือเจ้าของบ้านผู้อยู่อาศัย ขาดจิตใจมีแต่รูปกายก็ไร้ชีวิต ขาดรูปกายจิตใจก็ไร้ที่พำนักอาศัย

3.รูปกายและจิตใจส่งผลต่อกัน ร่างกายแข็งแรงทำให้จิตใจปกติ การมีจิตใจที่ดีส่งเสริมให้มีร่างกายที่แข็งแรง

จิง精กำเนิดรูป形 การเสริมสร้างจิง ทำให้จิต神เข้มแข็ง
จิต神ขับเคลื่อนชี่气 การเสริมสร้างชี่ ทำให้รูป形แข็งแรง

บทความนี้ แม้จะคล้ายกับทางพุทธ
แต่ก็ ถอดออกมาจากคำภีร์หวงตี้เน่ยจิง皇帝内经
ซึ่งเป็นตำราของการแพทย์แผนจีนเราที่รวบรวมเป็นบทเป็นตอนเป็นเล่มแรก


วันอังคารที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2560

การจับชีพจร "แมะ" ตอนที่ 1




แมะ

                       เป็นเพียงการตรวจหนึ่งในสี่ของการตรวจวินิจฉัยหลักของทางแพทย์จีนเท่านั้น

                       การจับชีพจรนั้น มีความละเอียดอ่อนมาก

                       แพทย์ต้องมีข้อมูลความรู้ที่มาก บวกเข้ากับประสบการณ์

                       จึงจะสามารถใช้ประโยชน์จากการแมะนี้ได้อย่างที่สุด

 ถามว่าต้องมีประสบการณ์เท่าไหร่ถึงจะสามารถพออาศัยแค่การแมะอย่างเดียวในการตรวจโรคได้

(จริงๆไม่ควรนะครับ)

                                     ประโยคนี้ผมเคยถามอาจาร์ยที่จีนอยู่เหมือนกัน คำตอบคือ 
     
                                               "จนคุณหมอมีอายุ 60-70 นั่นแหละครับ"


                                ชีพจรนั้น เรามีแบ่งประเภทหลักๆ คือ ลอย-จม-ช้า-เร็ว-พร่อง-แกร่ง

                                รวมแล้วมี 28 ลักษณะใหญ่ ในลักษณะใหญ่ก็จะมีความยิบย่อยอยู่ 

                                        และในบุคคลหนึ่งๆ ไม่จำเป็นที่จะต้องมีลักษณะเดียว

                            แต่ในเวลาคลินิกผมมักจะพิจารณาการตรวจชีพจรตามลำดับดังนี้

                    1.พิจารณาตำแหน่ง ลอย: 浮脉,芤脉,革脉,จม:沉脉,伏脉,牢脉

                    2.พิจารณาอัตราการเต้น ช้า:迟脉,缓脉 เร็ว:数脉,疾脉

                    3.พิจารณาแรงการเต้น พร่อง虚脉 แกร่ง实脉

                    4.พิจารณาขนาดใหญ่เล็ก ใหญ่:洪脉,大脉 เล็ก:细脉,微脉

                    5.พิจารณาความสั้นยาว ยาว长脉  สั้น短脉

                    6.พิจารณาความคล่องตัว คล่อง:滑脉,动脉   ฝืด:涩脉

                    7.พิจารณาความตึง  ตึง:弦脉,紧脉  อ่อนนิ่ม:濡脉

                    8.พิจารณาชีพจรเต้นไม่ปกติ 促脉,节脉,代脉


                                          นอกจากนี้ ก็ต้องพิจารณา อายุ เพศ รูปร่างร่วมด้วย

            เช่น ในเด็กและผู้สูงอายุ มักจะมีชีพจรที่เร็วกว่าปกติ , ในคนอ้วน ชีพจรปกติอาจจะลึกกว่าปกติ

   เมื่อพิจารณาตามข้างต้นแล้วก็ยังต้องพิจารณาสภาพอากาศ(แต่ในไทยสภาพอากาศเราไม่ได้แตกต่างกันมากนัก)

      เช่น ฤดูใบไม้ผลิคู่กับชีพจร/ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง浮而细涩 ฤดูหนาว ปลายฤดูร้อน(长夏)


                               นอกจากการจับชีพจรในตำแหน่งโดยรวมแล้ว

                   1.ยังต้องพิจารณาเฉพาะจุด单指ในแต่ละตำแหน่งอวัยวะ

                   2.ยังต้องแยกวินิจฉัย ชี่และเลือด เราจะสังเกตได้ว่า ในชีพจรข้างขวาจะมี肺,脾,命门

                       ซึ่งเกี่ยวข้องกับชี่ เพราะฉนั้นเราจะใช้ชีพจรข้างขวาในการพิจารณาชี่ด้วย

                       ส่วนในทางซ้าย มี心,肝,肾ซึ่งเป็นอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับเลือด 

                      ฉนั้นเราจึงใช้ชีพจรจากทางซ้ายในการพิจารณาในเรื่องของเลือด

                 3.หากใครต้องการพิจารณา อิน-หยาง เป็นหยาง / เป็นอิน ,浮เป็นหยาง / เป็นอิน เป็นต้น